หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบ On grid&hybrid

ข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบ On grid&hybrid 

🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧 🔧


               เป็นบทความที่ว่าด้วยระเบียงการขอเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าโดยไม่ได้ขายไฟให้การไฟฟ้า โดยจะเน้นในระเบียงของขั้นตอนการขออนุญาติการเชื่อมต่อโครงข่ายการไฟฟ้า

จากพ.ร.บ.ฉบับนี้จะสามารถตีความได้ว่า

1.   จะต้องได้รับการอนุญาติจากการไฟฟ้าก่อนจึงจะสามารถเชื่อมต่อเข้าระบบโครงข่ายได้

2.   จากพระราชบัญญัติดังกล่าว นั้นจะทำให้การไฟฟ้าต้องออกระเบียง ว่าด้วยการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า

ผู้ที่มีส่วนในเกี่ยวข้องในระเบียงข้างต้น


👉       ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(Small power producer, SPP)
👉      ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก(Very small power producer, VSPP)
👉      ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
👉      ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้ารายอื่น






ในการขออนุญาติการต่อกับโครงข่ายการไฟฟ้านั้น จะมีสถานะอยู่ คือ "ผู้ขอใช้บริการ" กับ "ผู้เชื่อมต่อ"

>>   ผู้ขอใช้บริการ หมายถึง ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าที่ขออนุญาติในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบโครงข่าย

>>   ผู้เชื่อมต่อ หมายถึง ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า ที่ได้รับการอนุญติในการเชื่อมต่อเข้าโครงข่ายไฟฟ้าแล้ว


ขั้นตอนการขออนุญาติเพื่อเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า

ขั้นตอนการขออนุญาติการไฟฟ้าเพื่อต่อเข้าระบบโครงข่าย


ขอบเขตกำลังไฟฟ้าสูงสุดที่สามารถต่อเข้ากับระบบโครงข่ายสูงสุด

     หลักเกฌฑ์ปริมาณกำลังไฟฟ้าของผู้ขอใช้บริการที่จะจ่ายหรือรับกำลังไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าในแต่ละระบบ ดังนี้

     1.โรงงานอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ที่ใช้ไฟเยอะ

👉      ระบบจำหน่าย 22 กิโลวัลต์ ไม่เกิน 8.0 เมกกะวัตต์/วงจร
👉      ระบบจำหน่าย 33 กิโลวัลต์ ไม่เกิน 10.0เมกะวัตต์/วงจร

     2.บ้านทั่วไป

         ระบบจำหน่าย 380/220 โวลต์ ที่มีผู้ขอใช้บริการเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายแรงต่ำ 1 เฟส สามรถจ่ายไฟหรือรับไฟได้ไม่เกิน 10 กิโลวัลต์


    3.อาคารสำนักงานขนาดใหญ่

         ระบบจำหน่าย 380/220 โวลต์ ที่มีผู้ขอใช้บริการเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายแรงต่ำ 3 เฟส สามารถจ่ายไฟหรือรับไฟจากระบบได้ไม่เกิน 56 กิโลวัตต์



    4.โรงงานเล็กๆ

         ระบบจำหน่าย 380/220 โวลต์ ที่มีผู้ขอใช้บริการจ่ายหรือรับกำลังไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายไฟฟ้า มากกว่า 56 กิโลวัตต์ ให้เชื่อมต่อกับระบบจำหน่าย 22 หรือ 33 กิโลโวตต์ ตามความเหมาะสม

    5.การกำหนดปริมาณไฟฟ้า

         หากปริมาณกำลังไฟฟ้าเกินกว่าที่กำหนดใน ข้อ 1 ให้เชื่อมต่อกับระบบส่ง 69 หรือ 115 กิโลโวลต์ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ไม่เกิน 180 เมกะวัตต์/วงจร

ความจำเป็นในการปฏิบัติตามระเบียบการนั้นมีความสำคัญ


👉      เพื่อให้มีวิธีการที่เหมาะสมในการเชื่อมต่อระหว่างผู้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยกำหนดพื้นฐานในการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าไว้เพื่อเป็นหลักปฏิบัติโดยเท่าเทียบกัน
👉      เพื่อให้มีการกำหนดระเบียงพื้นฐานอย่างชัดเจน ครอบคลุมด้านเทคนิคขั้นต่ำในการออกแบบสำหรับผู้ขอใช้บริการ รวมทั้งรายละเอียดทางเทคนิคของอุปกรณ์ไฟฟ้าและมาตรฐานการติดตั้งที่จุดเชื่อมต่อ
👉      เพื่อให้การเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนานกับระบบไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการเชื่อมต่อระหว่างระบบโครงข่ายไฟฟ้า มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
👉      เพื่อให้คุณภาพในการจ่ายไฟสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป อยู่ในเกฌฑ์มาตรฐานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภายหลังจากมีผู้เชื่อนต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าแล้ว


      
  


  



หากไม่ได้รับอนุญาติในการเชื่อมต่อเข้าระบบโครงข่ายนั้น


           หากการไฟฟ้ายังไม่ได้รับการอนุญาติให้เชื่อมต่อระบบเข้าระบบโครงข่ายนั้น หากเกินกระแสไฟฟ้าไหลเกินพิกัดกระแสต่อเนื่อง แรงดันเกินมาตรฐานที่การไฟฟ้ากำหนดไว้นั้น การไฟฟ้าจะสามารถฟ้องร้องกับเจ้าของบ้าน อาคาร หรือโรงงานได้ แต่ผู้ติดตั้งไม่ผิด เจ้าของบ้าน อาคาร หรือโรงงาน นั้นจะผิดเต็มๆในทางกฏหมาย เพราะอนุญาติให้ผู้ติดตั้งไปติด




    
   

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การบำรุงรักษาแบตเตอรี่

การบำรุงรักษาแบตเตอรี่

👬 👬 👬 👬 👬 👬 👬 👬


แบตเตอร์รี่



  
  
ก่อนอื่นเราควรมารู้จักกับประเภทของแบตเตอร์รี่กันก่อน
ถ่านไฟฉาย

         โดยทั่วไป แบตเตอรี่จะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่

1. แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จจนเต็มมาจากโรงงาน
         เช่นแบตเตอรี่นาฬิกา(ถ่านนาฬิกา), แบตเตอรี่ไฟฉาย(ถ่านไฟฉาย)เป็นต้น ซึ่งเมื่อใช้ไฟในแบตเตอรี่จนหมดแล้วก็หมดเลยไม่สามารถกลับนำมาใช้ใหม่ได้ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ปฐมภูมิ(Primary Battery)


2. แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จใหม่ได้
         เมื่อแบตเตอรี่มีไฟที่อ่อนลง เช่นแบตเตอรี่รถยนต์ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ทุติยภูมิ(Secondary Battery)

        

     
   
      ในระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์นั้นจะใช้แบตเตอรี่แบบทุติยภูมิซึ่งสามารถชาร์จได้ใหม่เมื่อแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่อ่อนลง ในระบบแบตเตอรี่จะทำงานเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์เข้ามาไว้ แล้วปล่อยกำลังไฟฟ้าออกไปให้กับโหลดในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เช่นในช่วงเวลากลางคืนหรือเมฆครึ้มตลอดวัน

ส่วนประกอบของแบตเตอร์รี่


แบตเตอร์รี่
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานจากปฏิกิริยาทางเคมี  เป็นพลังงานไฟฟ้า  ประกอบด้วย

👉         เปลือกหม้อที่ผลิตจากวัสดุที่บอบบาง

👉        แผ่นธาตุประกอบด้วยแผ่นตะกั่วบริสุทธิ์  และแผ่นตะกั่วอ๊อกไซด์  มีแผ่นฉนวนกั้นระหว่างแผ่นธาตุ

👉        น้ำยา  หรือ  Electrolite  ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำกรดกำมะถันกับน้ำกลั่น ให้ได้ความถ่วงจำเพาะตามที่ต้องการประมาณ  1,250
  

  


     
      สรุปแล้วแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่บอบบางแต่ราคาแพง   หากไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือบำรุงรักษาให้ถูกวิธี  ก็จะทำให้อายุการใช้งานสั้น  ไม่คุ้มค่า  เนื่องจากชำรุดเสียหายได้ง่ายจากการกระทบกระแทกของแข็ง  หรือใช้งานผิดวิธี


ข้อควรระวัง


1.       เวลาใส่ขั้วแบตเตอรี่อย่าใช้โลหะหรือของแข็งตอกอัดขั้วลงไป 

      เพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ชำรุดและแผ่นธาตุภายในหลุดร่วง  เกิดการลัดวงจรในช่องของแบตเตอรี่  ควรใช้มือกดหมุนลไปเท่านั้น  ถ้าขั้วสายเล็กกว่าให้ใช้ไขควงถ่างรอยผ่าเสียก่อน  แล้วขันน๊อตให้แน่นพอสมควร  เสร็จแล้วใช้จาระบีทาบาง ๆ เพื่อป้องกันซัลเฟสเกาะที่ขั้วแบตเตอรี่
แบตเตอร์รี่



2.       เวลาถอดขั้วสายออกจากแบตเตอรี่ห้ามใช้ไขควงหรือของแข็งงัดออก 

      จะทำให้ฝาแบตเตอรี่ชำรุดเสียหายได้  ต้องกระทำโดยวิธีคลายสกรูออกให้หลวมเสียก่อน  แล้วใช้ไขควงกดปิดรอยแตกแยกให้ถ่างออกแล้วใช้มือหมุนออกเช่นเดียวกับข้อ 1


3.       ให้เปิดฝาตรวจดูระดับน้ำยาที่อยู่ในช่องแบตเตอรี่แต่ละช่อง

      ถ้าระดับน้ำยาลดลงให้เติมเฉพาะน้ำกลั่นเท่านั้น  และควรสูงท่วมแผ่นธาตุประมาณ  1  ซม.
แบตเตอร์รี่

4.       อย่าปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานเป็นอันขาด

      ต้องนำมาชาร์ตไฟอย่างน้อย  15  วันต่อครั้ง  ครั้งละไม่น้อยกว่า  30  นาที

5.       ไม่ควรชาร์ทแบตเตอรี่ด้วยกระแสไฟที่สูงเกินไป 

      จะทำให้แผ่นธาตุทำปฏิกิริรยากับน้ำยาอย่างรวดเร็ว  เกิดความร้อนสูง  ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงกว่ากำหนด

6.       หมุนฝาปิดน้ำยาให้แน่นและรูระบายอากาศต้องไม่อุดตัน

      เพื่อระบายแก๊สขณะแผ่นธาตุทำปฏิกิริยากับน้ำยาในแบตเตอรี่  จะเกิดความร้อนและแก๊สขยายตัว  อาจทำให้แบตเตอรี่บวมหรือระเบิดได้
แบตเตอร์รี่


7.       หมั่นเช็คทำความสะอาดฝาแบตเตอรี่ 

      อย่าให้มีสิ่งสกปรก  เช่น  ฝุ่น  น้ำมัน  และความชื้น  เป็นต้น  หรือใช้น้ำอุ่นล้างถ้ามีซัลเฟสเกาะที่ขั้วสาย


8.       อย่าวางเครื่องที่เป็นโลหะบนหม้อแบตเตอรี่

      จะทำให้เกิดการลัดวงจร  ขั้วแบตเตอรี่จะชำรุดเสียหายได้

แบตเตอร์รี่

9.      การติดตั้งแบตเตอรี่ต้องติดตั้งกับแท่นยึดที่แข็งแรงและแน่น 

      ไม่สั่นสะเทือนมากในขณะปฏิบัติงานสะดวกต่อการบริการ  ไกลจากความชื้น  และอุณหภูมิไม่สูงเกินไป

10.    ในการเคลื่อนย้ายแบตเตอรี่ให้ใช้วิธียก  

      อย่าลากหรือดึง  หรือปล่อยลงกระแทกพื้นแรง ๆ เพราะอาจจะทำให้เปลือกหม้อแบตเตอรี่ทะลุได้

11.    แบตเตอรี่ใหม่หลังจากเติมน้ำยาแล้วจะเกิดกระแสไปขึ้นเอง 

      ทางด้านเทคนิคห้ามไม่ให้นำไปใช้งาน  เพราะจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นหรือเสื่อมสภาพเร็วผิดปกติ  จะต้องนำไปชาร์ทไฟเสียก่อนด้วยกระแสไฟอัตราไม่เกิน  23  แอมแปร์  ประมาณ  72  ชั่วโมง  แล้วจึงนำไปใช้งานก็จะทำให้ได้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

12.    แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานและมีประสิทธิภาพดีที่สุด 

      แบตเตอรี่นั้นจะต้องได้รับการประจุหรือชาร์ทไฟเต็ม  (Full  charge)  อยู่ตลอดเวลา

แบตเตอร์รี่


13.    แบตเตอรี่ทั่วไปมีอายุการใช้งานระหว่าง  6  เดือน  ถึง  2  ปี


      ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้และบำรุงรักษาที่ถูกวิธี  ถ้าบำรุงรักษาไม่ถูกวิธีจะมีอายุการใช้งานต่ำกว่า  6  เดือน  หรือถ้าใช้และบำรุงรักษาให้ถูกวิธีอายุการใช้งานจะได้ไม่น้อยกว่า  2  ปี  จะเห็นได้ว่าการใช้และบำรุงรักษาแบตเตอรี่ให้ถูกวิธี  อายุการใช้งานจะต่างกันหลายเท่าตัว


🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏 🙏







วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้แม่เหล็กไฟฟ้า

ไดนาโม
                 

ไดนาโม

             เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้ากระแสตรงด้วยการใช้คอมมิวเตเตอร์ ไดนาโมเป็นตัวให้กำเนิดไฟฟ้าเครื่องแรกที่สามารถส่งมอบพลังงานสำหรับอุตสาหกรรม และเป็นรากฐานให้หลายๆอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานไฟฟ้าต่อมา รวมทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับและต้วแปลงหมุน วันนี้เครื่องกำเนิดกระแสสลับที่เรียบง่ายครองตลาดการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ ให้ประสิทธิภาพที่ดี เชื่อถือได้และค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ไดนาโมมีข้อเสียอยู่ที่กลไกของคอมมิวเตเตอร์ นอกจากนี้ การแปลงกระแสสลับให้เป็นกระแสตรงโดยการใช้ตัวเรียงกระแสกำลัง(หลอดสุญญากาศหรืออุปกรณ์โซลิดสเตทล่าสุด) มีประสิทธิภาพและมักจะประหยัดทางเศรษฐกิจ


เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับขนาดใหญ่แบบซิงโครนัส
             เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระสลับไม่ต้องใช้คอมมิวเตเตอร์  ผลิตกระแสสลับด้วยความถี่หนึ่งที่จะขึ้นอยู่กับความเร็วในการหมุนของโรเตอร์และจำนวนขั้วแม่เหล็ก  ในรถยนต์จะมีความถี่ที่แตกต่างกัน เปลี่ยนแปลงไปตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แล้วจะถูกแปลงเป็น DC โดยตัวเรียงกระแสป้อนให้กับเพาเวอร์กริดไฟฟ้าจะทำงานโดยทั่วไปที่ความเร็วที่ใกล้เคียงกับความถี่หนึ่งที่เฉพาะเจาะจงเพื่อประโยชน์ของ อุปกรณ์ AC ที่ควบคุมความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานบนความถี่ของกริด อุปกรณ์บางอย่างเช่นหลอดไส้และหลอดเรืองแสงที่ทำงานด้วยบัลลาสต์ไม่จำเป็นต้องมีความถี่คงที่ แต่มอเตอร์แบบซิงโครนัส เช่นในนาฬิกาไฟฟ้าแขวนผนังจำเป็นต้องใช้ความถี่กริดคงที่ เมื่อต่อเข้ากับกริดไฟฟ้าขนาดใหญ่กว่าที่มี เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ อื่นๆ, เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ มีปฏิสัมพันธ์แบบไดนามิกกับความถี่ที่มีอยู่แล้วในกริด และจะต้องทำงานที่ความเร็วที่เข้ากันได้กับความถี่กริด ถ้าไม่มีพลังงานขับใส่เข้าไป เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ จะยังคงหมุนต่อไปที่ความเร็วคงที่อยู่ดี แต่จะถูกขับเหมือนกับว่าเป็นมอเตอร์ซิงโครนัสตัวหนึ่งตามความถี่กริด ปกติแล้ว มันจำเป็นสำหรับ เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ ที่จะ ถูกเร่งความเร็วให้ได้ถึงความเร็วและการจัดตำแหน่งเฟสที่ถูกต้องก่อนที่จะเชื่อมต่อเข้ากับกริด เพราะการที่มีความถี่ไม่ตรงกันจะทำให้ เครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ ทำงานเป็นมอเตอร์ซิงโครนัส และจะ กระโดดทันทีทันใดไปที่การจัดตำแหน่งเฟสที่ถูกต้องเนื่องจากมันดูดซับกระแสไหลเข้าฉับพลันอย่างมากจากกริด ซึ่งอาจเกิดความเสียหายกับโรเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ ทั่วไปใช้ขดลวดสนามโรเตอร์ที่ถูกกระตุ้นด้วยกระแสตรง และขดลวดอยู่กับที่ (สเตเตอร์)เพื่อผลิตกระแสสลับ เนื่องจากสนามแม่เหล็กที่โรเตอร์ต้องการเป็นเพียงส่วนเล็กๆของพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยเครื่อง, แปรงถ่านสำหรับต่อกับสนามจะสามารถมีขนาดค่อนข้างเล็กได้ ในกรณีที่ตัวกระตุ้นไม่ได้ใช้แปรงถ่าน แกนโรเตอร์จะมีตัวเรียงกระแสเกาะอยู่เพื่อกระตุ้นขดลวดสนามหลัก

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ

 
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบอะซิงโครนัสคือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า กระแสสลับประเภทหนึ่งที่ใช้หลักการของมอเตอร์เหนี่ยวนำในการผลิตพลังงาน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำทำงานโดยการหมุนโรเตอร์ด้วยแรงกลให้เร็วกว่าความเร็วซิงโครนัส ทำให้เกิด slip ในเชิงลบ มอเตอร์ AC อะซิงโครนัสโดยทั่วไปมักจะสามารถถูกใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัวหนึ่งได้โดยไม่มีการแก้ไขใดๆภายใน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำมีประโยชน์ในการใช้งาน เช่นโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก, กังหันลมหรือในการลดกระแสก๊าซแรงดันสูงให้มีแรงดันต่ำลง เพราะมันสามารถกู้คืนพลังงานด้วยการควบคุมที่ค่อนข้างง่าย ในการใชังานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ มันจะต้องถูกกระตุ้นด้วย leading voltage สิ่งนี้ มักจะทำโดยการเชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้า หรือบางครั้งพวกมันจะถูกกระตุ้นได้ด้วยตัวเองโดยใช้ตัวเก็บประจุแก้ไขเฟส

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MHD


เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MHD

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ magnetohydrodynamic ได้มาจากพลังงานไฟฟ้าโดยตรงจากก๊าซร้อนที่เคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กโดยไม่ต้องใช้การหมุนของเครื่องจักรกลแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MHD มีการพัฒนามาแต่เดิมเพราะเอาต์พุตของ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า MHD พลาสม่าเป็นเปลวไฟ ดีพอที่จะให้ความร้อนแก่หม้อไอน้ำของโรงไฟฟ้าไอน้ำ การออกแบบในทางปฏิบัติ ครั้งแรกคือ Avco Mk 25 ได้รับการพัฒนาในปี ค.ศ. 1965 รัฐบาลสหรัฐ ได้ให้ทุนสนับสนุน การพัฒนาที่สำคัญ สูงสุดในโรงงานสาธิตขนาด 25 MW ในปี ค.ศ. 1987 ในสหภาพโซเวียต จากปี 1972 จนถึงปลายปี 1980s โรงงาน MHD U25 อยู่ในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ ปกติในระบบไฟฟ้ามอสโกด้วยกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ โรงงาน MHD ที่มีกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น[8]. เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MHD ที่ดำเนินการเป็น topping cycle ในปัจจุบัน(ปี 2007) มีประสิทธิภาพน้อยกว่ากังหันก๊าซความร้อนร่วม

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุนอื่นๆ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดอื่นๆเช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบอะซิงโครนัสหรือแบบเหนี่ยวนำซิงเกิลฟีด เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบดับเบิลฟีด หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบพันโรเตอร์ไม่ใช้แปรงถ่านดับเบิลฟีดเหล่านี้ไม่รวมแม่เหล็กถาวรหรือขดลวดสนามแม่เหล็กที่ใช้สร้างสนามแม่เหล็กคง และ เป็นผลให้เห็นความสำเร็จในการปรับความเร็วในการใช้งานความถี่คงที่ เช่นกังหันลมหรือเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอื่นๆ

ประสิทธิภาพการทำงานที่ส่งออกเต็มรูปแบบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใดๆ สามารถถูกปรับให้เหมาะสมกับการควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่เครื่องกำเนิดแบบดับเบิลฟีดหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบพันโรเตอร์ไม่ใช้แปรงถ่านเท่านั้นจะรวมการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์กับเพาเวอร์เรทติ้งที่มีน้อยกว่าเพาเวอร์เอาต์พุตของตัวกำเนิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม คุณสมบัติซึ่งโดยตัวของมันเอง จะเสนอค่าใช้จ่าย, ความน่าเชื่อถือและผลประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ Homopolar

 
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ Homopolar
จานฟาราเดย์ คือ เครื่องกำเนิดแบบ homopolar เครื่องแรก เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ homopolar เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงที่ประกอบไปด้วยแผ่น ตัวนำไฟฟ้าหรือกระบอกหมุนในระนาบที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอติดอยู่กับที่ ความต่างศักย์จะถูกสร้างขึ้นระหว่างศูนย์กลางของแผ่นดิสก์และขอบ(หรือปลายของกระบอก) ขั้วไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับทิศทางการหมุนและการวางตัวของสนามแม่เหล็ก มันยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ unipolar, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ acyclic, ดิสก์ไดนาโม หรือฟาราเดย์ดิสก์ แรงดันไฟฟ้าโดยทั่วไปจะต่ำ เพียงไม่กี่โวลต์ในกรณีของรุ่นสาธิตขนาดเล็ก แต่เครื่องกำเนิดเพื่อ การวิจัยขนาดใหญ่สามารถผลิตหลายร้อยโวลต์ และบางระบบมีหลายเครื่องกำเนิดต่อกันเป็นแถว เพื่อผลิตแรงดันไฟฟ้าขนาดใหญ่ มันมีความผิดปกติ ในการที่พวกมันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสูงอย่างมาก บางเครื่องมากกว่าหนึ่งล้านแอมแปร์ เพราะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ homopolar สามารถถูกทำให้มีความต้านทานภายในที่ต่ำมาก